เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2566 เวลา 10.00น ที่ โรงแรมธาราแกรนด์ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ
อดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ แถลงข่าวชี้แจงมูลเหตุของคดีที่ถูกกลั่นแกล้งในคดีตบทรัพย์ 5 ล้านบาท หลังพบพิรุธทุจริตใน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล จากคำแถลงของอดีต ส.ส.อนุรักษ์ มีสาระสำคัญดังต่อไปนี้
ประเด็นที่1 จะนำหลักฐาน และพยานที่เคยขึ้นเบิกความในชั้นศาล และพยานหลักฐานมูลเหตุจูงใจที่ถูกอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวหาว่า ตบทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐาน ตามที่เคยอ้างกับสื่อมวลชนว่ามีคลิปเสียง และมีพยาน แต่เมื่อขึ้นเบิกความกลับไม่มีพยานหลักฐานตามที่กล่าว ทำให้ อดีต ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ถูกสังคมตราหน้าว่าทุจริตจริง รวมไปถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้อดีตกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวหาว่าตบทรัพย์ เพราะอดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งข้อสังเกตการใช้งบประมาณของกรมน้ำบาดาล ว่าทำไมคิดค่าขุดเจาะน้ำบาดาลต่อบ่อตั้ง 171,000 ต่อหลุม ทั้งๆที่รถเจาะเป็นของหลวง คนไปเจาะเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ที่มีเงินเดือนอยู่แล้ว และยังสามารถเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พักได้อีก จึงขอแบบแปลนและประมาณราคามาตรวจสอบ แต่กรมฯ ไม่เคยส่งแบบแปลนและประมาณราคาดังกล่าวให้
นายศักดาฯ ตอบคำถามของอดีต ส.ส.อนุรักษ์ ไม่ได้ จึงพูดขู่ในที่ประชุมว่า ”ท่านพูดอะไรกับผม ผมอัดเทปไว้หมดนะครับ” หลังจากนั้น อธิบดีศักดา ได้โวยวายต่อที่ประชุมว่า เรื่องนี้ไม่จบหรอก เพราะเมื่อวานมีอนุกรรมาธิการ ตบทรัพย์ตน 5 ล้านบาท จึงทำให้ที่ประชุมไม่สามารถพิจารณางบประมาณต่อไปได้ จากนั้น ส.ส.ศรัณวุต ศรัณย์เกต ได้ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมว่าแบบนี้ยอมไม่ได้ต้องไปแถลงข่าว จากนั้น ส.ส.ศรัณย์วุต ได้เดินออกไปนอกห้องประชุมกับนายศักดา แต่ไม่ได้มีการแถลงข่าวเพราะนายศักดา บอก ส.ส.ศรัณย์วุต ว่าแค่ขู่ไม่มีคลิปจริง
ต่อมาวันที่ 10 สิงหาคม 2563 นายศักดา ทำรายงานต่อปลัดกระทรวงชี้แจงว่าตนถูกตบทรัพย์ 5 ล้านบาท และในหนังสือฉบับดังกล่าวยังระบุว่า นายภาดล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ถูกตบทรัพย์ 10 ล้านบาทจากเบอร์โทรศัพท์เดียวกันกับนายศักดา ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ของผม แต่นายภาดล อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ให้การต่อ ป.ป.ช.และเบิกความต่อศาลฎีกา ว่านายภาดล ไม่เคยถูกผมตบทรัพย์ 10,000,000 บาท
ผมเชื่อว่านี่คือมูลเหตุจูงใจที่นายศักดา มากล่าวหาผม เพราะผมใกล้ตรวจสอบเจอทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงต้องปั้นแต่งเรื่องตบทรัพย์ขึ้นมา เพื่อไม่ให้ผมตรวจสอบต่อ เพราะหากผมตรวจสอบพบทุจริตของกรมน้ำบาดาล นายศักดา ซึ่งเป็นอธิบดีและพวกก็จะเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
สรุปในคดีนี้มีประจักษ์พยานฝั่งโจทก์เพียงปากเดียวคือนายศักดา และนายศักดา มีสาเหตุโกรธเคืองกับข้าพเจ้า และมีพยานยืนยัน คือ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เบิกความต่อศาลเรื่องสาเหตุโกรธเคืองของนายศักดา อีกทั้งนายศักดา ให้การไม่อยู่กับร่องกับรอย ให้การขัดแย้งกับตนเองและพยานอื่นในคดีอีกหลายปาก อีกทั้งยังโกหก 8 ครั้งในสำนวนคดี
ในการแถลงข่าวในครั้งนี้ ผมจะขออธิบายสาเหตุ โกรธเคืองของนายศักดา และอธิบายการโกหกของนายศักดา
ล่าสุด อดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ได้ใช้สิทธิ์ฟ้องนายศักดา 4 คดี คือ 1.มาตรา 162 (1)(4) เรื่องรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชา ขณะนี้อยู่ที่ศาลทุจริตกลาง 2.หมิ่นประมาทที่ศาล จ.กาญจนบุรี 3.ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ที่ศาล จ.นนทบุรี 4.เบิกความเท็จ ที่ศาลอาญารัชดา
ประเด็นที่ 2 คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตปี 2561 มาตรา 50 ในชั้นไต่สวนพยานของ ป.ป.ช. อดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. เรียกพยาน 3 คนคือ 1. พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง 2. นายชาดา ไทยเศรษฐ์ 3.นายจักรัตน์ พั้วช่วย แต่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้เรียกพยานทั้ง 3 ปาก ที่ผมขอมาสอบปากคำ โดยอ้างเหตุผลว่าผมจงใจประวิงคดี ทั้งๆ ที่เหลือเวลาอีก 861 วัน จึงจะครบตามกฎหมายกำหนด
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบและรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตปี 2561 มาตรา 50 คณะกรรมการ ป.ป.ช. จงใจปกปิดคำให้การของ ส.ส. ศรัณวุต ศรัณย์เกต ที่เป็นคุณกับจำเลย
ประเด็นที่ 3 หลังจากนี้ ผมจะตั้งมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำโดยไม่ชอบ มูลนิธินี้จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของรัฐ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จากองค์กรอิสระชี้มูลจนนำไปสู่คดีความและทำให้เขาต้องออกจากราชการ และทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาเสียหายอย่างมาก
ประเด็นที่ 4 สำหรับสื่อมวลชนต่างๆ ที่ผมได้ฟ้องร้องไป ผมยินดีจะถอนฟ้องให้สื่อมวลชนทุกแขนง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปพูดถึงข้อเท็จจริงในคดีในฝั่งผมบ้าง ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีโอกาสได้พูดข้อเท็จจริงในสำนวนคดีเลย แต่สื่อมวลชนต่างๆ ได้เอาข่าวผมไปออกเหมือนผมเป็นผู้กระทำผิดไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผมอย่างยิ่ง