เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด ผู้นำด้านการส่งออกผลไม้สดเกรดพรีเมี่ยมชั้นนำของประเทศไทย โดยมี นายณธกฤษ เอี่ยมสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ นางชมชนก เอี่ยมสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด และบริษัทในเครือร่วมให้การต้อนรับ

           รมช.พาณิชย์ พร้อมกล่าวว่า บทบาทสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ นอกจากภารกิจด้านการช่วยดูแลผู้บริโภค ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจการค้า การส่งออกของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศแล้ว ภารกิจอีกด้านคือการช่วยกำกับดูแลราคาสินค้าเกษตรและรายได้ที่เหมาะสมเป็นธรรมให้กับพี่น้องเกษตรกร

   ทางกระทรวงพาณิชย์ จึงได้เลือกเข้ามาสนับสนุนกลุ่มผู้ส่งออกผลไม้ไทย ที่จะเป็นตัวกลางสำคัญในการนำผลไม้ไทยจากมือเกษตรกรไปสร้างชื่อเสียงในต่างประเทศ ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร พร้อมนำรายได้กลับเข้าสู่ประเทศไทย

ดังเช่น บริษัทแพลททินัม ฟรุ๊ต ที่มีการแสวงหาโอกาสในการนำผลไม้ไทยเข้าไปเปิดตลาดใหม่ๆ บนเวทีโลกต่อเนื่อง ด้วยปริมาณส่งออกเฉลี่ยกว่า 18,000 ตันต่อปี และทำรายได้ปีล่าสุดถึง 5,200 ล้านบาท โดยมีทั้ง “ทุเรียน” ที่ส่งออกไปทั่วโลก โดยเฉพาะจีนซึ่งเป็นตลาดใหญ่ได้ถึง 4 มณฑล ขณะที่ “ลำไย” ก็สามารถส่งออกเป็นอันดับหนึ่งในตลาดอินโดนีเซีย รวมถึง มังคุด และ มะพร้าว ที่มีการส่งออกไปในหลายประเทศ ด้วยระบบโลจิสติกส์ที่สามารถควบคุม “คุณภาพ” ผลไม้ทุกชนิด  คงความสดใหม่ของรสชาติ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง

การที่ผู้ส่งออกของไทยสามารถขยายตลาดสินค้าเกษตรออกไปบนเวทีโลกได้กว้างไกลมากขึ้นเท่าใด รายได้ของเกษตรกรที่เป็นต้นทางการผลิตก็จะเพิ่มขึ้นตามมาด้วย ซึ่งวันนี้กระทรวงพาณิชย์ พร้อมเป็นอย่างยิ่งที่จะเดินหน้าส่งเสริมผลักดันธุรกิจของผู้ประกอบการไทยให้เติบโตอย่างมืออาชีพ ทั้งในด้านของการแนะนำองค์ความรู้ ผลักดันการสร้างนวัตกรรม หรือ ให้คำแนะนำข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การลดอุปสรรคทางการค้า รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่จะช่วยพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจ ให้บริษัท แพลททินัม ฟรุ๊ต จำกัด เป็นบริษัทชั้นนำระดับท็อป 5 ของประเทศไทยด้านส่งออกผลไม้สด สามารถดำเนินธุรกิจได้ครบวงจร ตั้งแต่จัดหาสินค้าเกษตรที่มี “คุณภาพ” โดยคัดเลือกจากสวนผลไม้ที่มีมาตรฐาน GAP และ Global GAP รับรอง มีตลาดส่งออกกระจายทั้งในเอเชียและยุโรป เพื่อเพิ่มศักยภาพและความเชื่อมั่นทางธุรกิจในตลาดโลกให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น