บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด ร้านค้าอันดับหนึ่งด้านสินค้าประเภทของใช้ และอาหารคุณภาพดีนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ในเครือบริษัท แพน แปซิฟิค อินเตอร์เนชั่นแนล โฮลดิงส์ จำกัด (PPIH) ต่อยอดความสำเร็จของการเป็น Japan Brand Specialty Store ยอดนิยมของผู้บริโภคชาวไทย พร้อมเดินหน้าขยายตลาดสู่โซนภาคตะวันออกเต็มตัว ด้วยการลงนามบันทึกข้อตกลงการเป็นพันธมิตรกับ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) เพื่อเสริมความแข็งแกร่งทางธุรกิจระหว่างกันอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนา ดอง ดอง ดองกิ สาขาเจพาร์ค ศรีราชา ซึ่งจะเป็นสาขาที่ 6 โดยเป็นสาขาหัวเมืองโซนภาคตะวันออก สาขาแรกของดองกิในประเทศไทย เพื่อให้ทุกคนได้ร่วมสัมผัสรสชาติความอร่อยของอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ พร้อมสินค้าคุณภาพดีจากประเทศญี่ปุ่น ตลอดจนช่วยยกระดับการช้อปปิ้ง เติมเต็มความต้องการที่หลากหลาย และตอบโจทย์นักช้อปในพื้นที่ได้อย่างลงตัว  โดยมีกำหนดการเปิดตัวในเดือนกันยายน 2565 ณ เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ คอมมูนิตี้ มอลล์ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี

            นายโยซูเกะ ชิมานุกิ ประธานกรรมการ บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ในครั้งนี้ เรามองว่าด้วยคอนเซ็ปต์ของเจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ ตอบโจทย์ทั้งในด้านภาพลักษณ์ของการเป็นผู้นำด้านคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่น ศูนย์รวมร้านค้าญี่ปุ่นแบบครบครันกลางเมืองศรีราชา  ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและชูภาพลักษณ์ความเป็น Japan Brand Specialty Store ผู้นำด้านการจำหน่ายสินค้าของใช้ และอาหารนำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นของดองกิได้อย่างชัดเจน โดยสาขาเจพาร์ค ศรีราชา นับว่าเป็นสาขาที่ 6 และเป็นสาขาแรกของดอง ดอง ดองกิ ในโซนภาคตะวันออกของประเทศไทย ที่มีทำเลที่ตั้งอยู่ในย่านที่พักอาศัย การเดินทางสะดวกสบาย อีกทั้งมีปริมาณผู้ใช้บริการทั้งชาวไทยและชาวญี่ปุ่นในพื้นที่ค่อนข้างสูง ซึ่งดองกิคาดหวังว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์ญี่ปุ่นในพื้นที่ ทั้งกลุ่มลูกค้าแฟนคลับสินค้าและอาหารต้นตำรับอันมีเอกลักษณ์จากประเทศญี่ปุ่น และกลุ่มลูกค้าใหม่ให้มาลองใช้สินค้าญี่ปุ่นคุณภาพดีและบริการที่ครบครันภายในร้านดอง ดอง ดองกิ ได้สะดวกสบายมากขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯ”

            นายวิชัย กุลสมภพ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)  ผู้พัฒนา “เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ กล่าวเสริมว่า “ด้วยบริษัทฯ มีแผนพัฒนาโครงการฯ ในเฟส 2 ด้วยการเปิดโซนใหม่เพื่อรองรับการเติบโตของชุมชนและเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้น โดยเน้นตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบวิถีชีวิตและไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นอยู่แล้ว จึงมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับทางดองกิ ประเทศไทย ในการขยายสาขาเพิ่มเติมในครั้งนี้ ซึ่งเรามองว่าลูกค้าในย่านศรีราชาเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูง เหมาะกับสินค้าและบริการของดองกิ พร้อมตรงกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีไลฟ์สไตล์เฉพาะได้เป็นอย่างดี โดยคาดหวังว่าการเปิดตัวดอง ดอง ดองกิสาขาใหม่ล่าสุด ณ เจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ จะช่วยเติมเต็มให้เราเป็นแหล่งรวมร้านค้าสไตล์ญี่ปุ่นที่ครบวงจรและตอบสนองความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น พร้อมเดินหน้าสู่การเป็นผู้นำคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์ญี่ปุ่นของเมืองไทยอย่างแท้จริง”

            สำหรับ ดอง ดอง ดองกิ สาขาเจพาร์ค ศรีราชา มีกำหนดการเปิดให้บริการในเดือนกันยายน 2565 ที่กำลังจะถึงนี้ โดยเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท ดองกิ (ประเทศไทย) จำกัด กับ บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์       โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาเจพาร์ค ศรีราชา นิฮอน มูระ คอมมูนิตี้ มอลล์ ซึ่งเป็นสาขาที่ 6 และเป็นสาขาแรกในหัวเมืองโซนภาคตะวันออกของประเทศไทย มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 2,000 ตารางเมตร ภายในร้านแบ่งสินค้าออกเป็นโซนต่างๆ อาทิ โซนมันหวาน โซนคิวามิโชคุปัง โซนอาหารสด (ผักผลไม้ ปลา เนื้อสัตว์ อาหารพร้อมทาน) โซนขนม โซนของแห้ง โซนครัว และโซนเครื่องสำอาง โดยมีสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นที่มีคุณภาพ ตลอดจนสินค้าที่มีจำหน่ายเฉพาะดองกิเท่านั้นมากกว่า 12,000 ชนิด ในคอนเซ็ปต์ Japan Brand Specialty Store ที่ส่งต่อ ความอร่อย ความสบายใจ และดีต่อสุขภาพ ให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกของดองกิ ประเทศไทยที่มีการเปิดร้านซูชิ “鮮選寿司” (เซนเซนซูชิ) โดยเชฟใช้เทคนิคการปั้นซูชิแบบญี่ปุ่น และเสิร์ฟบนซูชิบาร์ ในราคาเริ่มต้นเพียงจานละ 40 บาท เพื่อให้คนศรีราชาได้สัมผัสกับซูชิรสชาติต้นตำรับในราคาที่เอื้อมถึง เพื่อส่งมอบประสบการณ์แบบญี่ปุ่นสู่ผู้บริโภคชาวไทยอย่างใกล้ชิด

ติดตามข่าวสารและข้อมูลเพิ่มเติมได้ทาง https://www.facebook.com/DonDonDonkiTH/ หรือทางเว็บไซต์ https://www.dondondonki.com/th/

ใส่ความเห็น

You missed

ครั้งแรกในไทย! จูนเหยา เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผสมผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะและความยั่งยืน