ธุรกิจออนไลน์ ถือเป็นเทรนด์ธุรกิจของคนรุ่นใหม่ที่ทำให้เกิดนักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้านเป็นจำนวนมาก แต่ความสำเร็จเหล่านั้นก็มีเบื้องหลังและที่มาที่ไม่ธรรมดา เพราะนอกจากตัวสินค้าและแบรนด์ที่ถูกคิดและสร้างสรรค์ขึ้นจากวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมแล้ว ยังมีทีมสนับสนุนการทำตลาดในช่องทางออนไลน์ที่มีความเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์มต่าง ๆ  และแม้จะใช้เพียงแพลตฟอร์มเดียว ก็สามารถปั้นยอดขายแบรนด์สู่หลักร้อยล้านพันล้านได้ไม่ยาก

“นิค – พงษ์ชัยวัฒน์ สอนสุภาพ” CEO หนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงของ นิคเอ็นเตอร์ไพร์ส บริษัทตัวแทนจำหน่ายสินค้าในช่องทางออนไลน์ กล่าวถึงแนวคิดและความท้าทายในการทำตลาดออนไลน์ปัจจุบันว่า ไม่ใช่เป็นเพียงการสร้างยอดขาย แต่จะต้องมีความยั่งยืนของธุรกิจและแบรนด์ด้วย ซึ่งปัจจัยหนึ่งที่ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญของธุรกิจออนไลน์นั้นก็คือ ความเข้าใจและความเชี่ยวชาญในแพลตฟอร์มที่เลือกใช้ในการทำตลาด

“เราเข้าใจในเรื่องการทำตลาดเฟซบุ๊ก เราจึงใช้เฟซบุ๊กเป็นแพลตฟอร์มหลักในการสื่อสารการตลาดเชิงรุกของเรา จากจุดเริ่มต้นที่เราทำผลิตภัณฑ์ของตัวเองจนประสบความสำเร็จ ก็มาต่อยอดสู่การทำตลาดออนไลน์ให้กับสินค้าแบรนด์อื่น ๆ ด้วยอีกกว่า 10 แบรนด์ในปัจจุบัน โดยเราจะเป็นพาร์ทเนอร์กับแบรนด์ และเข้าไปดูแลเรื่องช่องทางการจำหน่ายออนไลน์ ซึ่งสินค้าแต่ละผลิตภัณฑ์นั้นจะมี life time value อยู่ สิ่งที่เราทำก็คือ การคัดเลือกสินค้าและนำมาทำการตลาดโดยใช้เครื่องมือและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้สินค้าของแบรนด์นั้น ๆ ไปถึงผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแท้จริง”

แม้ว่าคนไทยส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการใช้งานแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก แต่ในการขายสินค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์มที่คนคุ้นเคยและใช้กันเป็นประจำอยู่ทุกวันนี้ ยังมีเคล็ดลับ เครื่องมือ และเทคนิคอีกมากมายที่ต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจ เพื่อจะได้เลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับการทำตลาดออนไลน์อย่างแท้จริง ซึ่งคนส่วนใหญ่…ยังไม่เข้าใจเทคนิคนี้ และนี่คือช่องว่าง หรือโอกาสที่ทำให้นิคเอ็นเตอร์ไพร์สสามารถแทรกเข้ามาสู่การตลาดของธุรกิจออนไลน์ และเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่ยืนเด่นอยู่ใน section นี้

        “แบรนด์ใหญ่ ๆ จะมีทีมนักการตลาดของตัวเองที่ทำงานในส่วนของการแบรนดิ้ง เราจึงไม่ต้องไปใช้เวลาในการทำงานในส่วนนั้น แต่เราไปทำงานเป็นอีกช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับแบรนด์ มีหน้าที่ไปสร้างยอดขายให้เติบโตด้วยเครื่องมือบนแพลตฟอร์มที่เราเชี่ยวชาญ คือเฟซบุ๊ก ซึ่งสามารถสร้างยอดขายให้กับแบรนด์ได้สูงนับร้อยล้านบาท”

แม้การขายของออนไลน์จะเป็นธุรกิจที่ใครก็ทำได้ แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะประสบความสำเร็จสร้างยอดขายหลักร้อยล้านได้ โดยเฉพาะเมื่อแพลตฟอร์มที่ลงไปเล่นอย่างเฟซบุ๊กนั้น มักจะมีการปรับอัลกอริทึมใหม่ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้ใช้งานอยู่เรื่อย ๆ เช่น จากเดิมที่หน้าฟีดจะเน้นการมองเห็นโพสต์จากบัญชีที่มีการติดตามเป็นหลัก ก็เปลี่ยนเป็นการแสดงผลโพสต์ที่ได้รับการแนะนำมากขึ้น โดยไม่สนใจว่าจะมาจากที่ไหน ซึ่งทำให้การขายออนไลน์บนเฟซบุ๊ก จำเป็นจะต้องรู้เทคนิคและใช้ความเข้าใจในเครื่องมือต่าง ๆ มากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นปัญหาที่หลายธุรกิจที่ขายออนไลน์กำลังเจออยู่นั่นเอง

“เอไอของเฟซบุ๊กมีความฉลาด เก่งมาก การที่ปรับการมองเห็นลดลงก็เพื่อไม่ให้คนอึดอัดในการรับสื่อ แต่เฟซบุ๊กมีความสามารถในการส่งมอบสื่อที่น้อยลงนั้นไปหากลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น ซึ่งถ้าเราเข้าใจการทำงานของแพลตฟอร์ม เราก็รู้วิธีการบริหารจัดการได้ ทำให้การใช้งบประมาณ หรือคิดไอเดียการตลาด หรือการทำคอนเทนท์ที่จะสื่อสารออกไป เกิดผลลัพธ์ที่ดีมากยิ่งขึ้น และตรงกับกลุ่มเป้าหมายมากขึ้นเช่นกัน”

        ปัจจุบันยังมีแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการทำตลาดอยู่อีกมากมาย แต่สิ่งที่ “นิค” กำลังจะบอกกับเราทุกคนก็คือ การที่เขาเลือกทำตลาดในแพลตฟอร์มเฟซบุ๊กอย่างเดียวนั้น ไม่ใช่เป็นเพราะความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ที่เขามีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเขามี “วิสัยทัศน์” และ “เลือก” ในสิ่งที่เหมาะสมกับธุรกิจของเขา และกลุ่มลูกค้าของเขาจริง ๆ

“เพราะสินค้าที่เราทำตลาดให้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าสุขภาพ ซึ่งต้องการความน่าเชื่อถือสูง สินค้ามีราคาสูง มีคุณภาพสูง การที่เราเลือกช่องทางการตลาดบนแพลตฟอร์มนี้ เพราะกลุ่มเป้าหมายของลูกค้าเราอยู่ตรงนี้ ส่วนแพลตฟอร์มอื่นจะเป็นการใช้เพื่อสร้างการรับรู้มากกว่า ซึ่งก็อาจจะมีบ้างแต่น้อย เพราะเรารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายส่วนใหญ่ของลูกค้าเราไม่ได้อยู่บนแพลตฟอร์มนั้น”

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจของคนรุ่นใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว นั่นคือ การมีที่ปรึกษาธุรกิจคอยชี้แนะ และเติมเต็มองค์ความรู้ในด้านต่าง ๆ เพื่อสนับสนุนธุรกิจ ซึ่งนิคเอ็นเตอร์ไพร์สเองก็ได้รับการแนะนำจากที่ปรึกษาที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการสร้าง Brand และ Personnel brand ให้กับหลายองค์กร  การมีที่ปรึกษาธุรกิจทำให้มุมมองและเป้าหมายธุรกิจของ “นิค” มีความชัดเจนขึ้น ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าการมีที่ปรึกษาธุรกิจ และที่ปรึกษาในการสร้างแบรนด์นั้น ช่วยทำให้ธุรกิจเดินหน้าไปอย่างชัดเจนมากขึ้น

“การมีคนคอยแนะนำแนวทางทำให้มันเดินหน้าได้เร็วขึ้น และไม่หลงทิศหลงทาง เพราะเรายังถือว่าเป็นวัยรุ่นที่มาเริ่มทำธุรกิจ ประสบการณ์ของเราอาจจะยังไม่มากพอ ไม่ลึกพอ เราจึงต้องการที่ปรึกษาที่มีประสบการณ์มากกว่า มาช่วยแก้ปัญหาและแนะนำแนวทาง เพื่อทำให้เราไปสู่เป้าหมายได้เร็วมากขึ้น มันเป็นเหมือนการตีตั๋วทางลัด ซึ่งเป้าหมายในอนาคต ผมต้องการเป็นแบรนด์บริษัทจำหน่ายสินค้าออนไลน์ที่อยู่ในใจของลูกค้าเป็นอันดับต้น ๆ และในอีก 10 ปีข้างหน้าเราจะก้าวไปสู่การเป็นบริษัทมหาชน เป็นการวางไทม์ไลน์ 10 ปี ที่ทำให้เราต้องทุ่มเทกับมันจริง ๆ ซึ่งหากเราไม่วางเป้าหมายไว้แบบนี้ เราก็จะไม่ได้ทำอะไรอย่างนี้เลย เราคงเป็นแค่คนขายสินค้าออนไลน์ทั่วไป การวางเป้าหมายให้มันใหญ่ ทำให้เราต้องคิด วางแผน และลงมือทำอย่างจริงจัง และเรารู้ว่าเราจะไปถึงเป้าหมายแน่ แต่ในระหว่างทางเราก็ต้องมีที่ปรึกษา มีคนพาไป ควบคู่ไปกับทักษะความสามารถของเราเองด้วย”

การทำธุรกิจออนไลน์ให้ประสบความสำเร็จหลักร้อยล้านในยุคต่อไป อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคน ๆ เดียว แต่หากมีที่ปรึกษา พันธมิตร หรือพาร์ทเนอร์ เข้ามาสนับสนุน รวมถึงตัวผู้ประกอบการเองก็ต้องทำตัวให้เป็นน้ำครึ่งแก้ว ที่พร้อมจะเปิดใจเรียนรู้ และเติมแนวคิดใหม่ ๆ อยู่เสมอ ก็จะสามารถสร้างสรรค์ หรือพัฒนากลยุทธ์ของธุรกิจตัวเองให้สอดคล้อง หรือทันกับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคปัจจุบัน และประสบความสำเร็จตามเป้าหมายได้

“ตอนเป็นวัยรุ่นเริ่มทำธุรกิจ เป้าหมายของเราคือยอดขาย เรามองแค่รายได้ มองแค่มิติเดียว แต่การตั้งเป้าหมายไกล ๆ 5 ปี 10 ปี เราไม่ได้คิดถึง แต่พอได้เรียนรู้การทำตลาด มีที่ปรึกษาธุรกิจ เราก็เข้าใจมากขึ้นว่าการทำตลาดออนไลน์มันไม่ใช่แค่การสร้างยอดขาย แต่มันคือการส่งมอบสิ่งดี ๆ ให้กับผู้คน และไม่ใช่แค่สินค้าขายดี แต่ต้องมีภาพลักษณ์ และความรู้สึกดี ๆ ที่ทำให้ลูกค้าอยากจะเลือกเราเป็นเบอร์หนึ่งในใจของเขาด้วย มันจะทำให้เกิดความยั่งยืน และมีการเติบโตไปเรื่อย ๆ”

ใส่ความเห็น

You missed

ครั้งแรกในไทย! จูนเหยา เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผสมผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะและความยั่งยืน