การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับจังหวัดนครราชสีมา นำเสนอกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม “เที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ” (ท่องเที่ยว 8 วัด) โดยได้ขยายเวลาการเปิดบริการให้เข้าชมภายในวัดตั้งแต่เวลา 8.30 น. – 19.00 น. ให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างเต็มอิ่ม

นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา

        นางภาวนา  ประจิตต์ ผอ.ททท.สำนักงานนครราชสีมา

นายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้มาเป็นประธานเปิดโครงการนี้ที่วัดบึง โดยมีนางภาวนา  ประจิตต์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครราชสีมา พร้อมข้าราชการจากหลากหลายหน่วยงานเข้าร่วมงาน

        สำหรับ “กิจกรรมเที่ยววัดห้ามพลาด เมืองโคราชสายบุญ”  (ท่องเที่ยว 8 วัด) ซึ่งเป็นวัดนำร่องในการท่องเที่ยวเชิงศาสนาวัฒนธรรมของจังหวัดนครราชสีมา ประกอบด้วย พระพุทธไสยาสน์วัดธรรมจักรเสมาราม (วัดพระนอน)  วัดบึง พระอารามหลวง  วัดพระรารายณ์มหาราชวรวิหาร  วัดหมื่นไวย  วัดศาลาลอย  วัดอิสาน  วัดพายัพ  วัดป่าสาละวัน

วัดธรรมจักรเสมาราม  

วัดธรรมจักรเสมาราม (วัดพระนอนคลองขวาง) ตั้งอยู่ที่บ้านคลองขวาง ตำบลเสมา อำเภอสูงเนิน มีโบราณวัตถุที่สำคัญคือ พระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระนอนหินทราย ก่อสร้างด้วยหินทรายแดงขนาดใหญ่หลาย ๆ ก้อนประกอบกันขึ้น เป็นพระพุทธรูปปางเสด็จปรินพพาน มีพุทธลักษณะแบบทวาราวดีเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของศิลปะทวาราวดี เมื่อประมาน 1,200 – 1,400 ปีมาแล้ว

        นอกจากนี้ เรายังได้พบธรรมจักรในที่แห่งนี้อีกด้วย ปัจจุบันได้จัดวางแสดงอยู่ที่อาคารพิพิธภัณฑ์ภายในวัด   ธรรมจักรศิลา เป็นชนิดเดียวกันกับที่พระปฐมเจดีย์ เป็นศิลปะยุคทวารวดี มีลักษณะคล้ายล้อเกวียน ทำจากศิลาแลงขนาดใหญ่  ซึ่งมีลักษณะผสมสัตว์หลายชนิด คือ มีเขาเหมือนโค มีปากเป็นครุฑ มีปีกเหมือนหงส์ เปิดให้เข้าชมเวลา 06.00-17.00 ทุกวัน

วัดบึง พระอารามหลวง

        วัดบึง พระอารามหลวง สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดให้พระยายมราชหรือสังข์เป็นผู้สร้าง  โดยช่างชาวฝรั่งเศสเป็นผู้ออกแบบผังเมือง  วัดบึงมีสมญานามว่า  วัดบึงขุนนาง  พระประธานในพระอุโบสถเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย  หลวงพ่อโตทอง  หน้าตัก  6 ศอก เป็นวัดที่คงโครงสร้างเดิมตั้งแต่สมัยอยุธยา

วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร

        วัดพระนารายณ์มหาราชวรวิหาร หรือวัดกลาง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเป็นผู้ทรงสร้างตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี  จัดเป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง ไปกราบบูชาหลวงพ่อใหญ่หรือพระพุทธรูป “หลวงพ่อทศพลญาณประทานบารมี” ด้านหน้าประดิษฐานองค์ท้าวเวสสุวรรณ ในสมัยก่อนมีพิธีอย่างหนึ่ง คือ พิธีที่ข้าราชการทุกแผนกจะต้องสาบานตนว่าตนจะต้องรับราชการสนองพระเดชพระคุณด้วยความจงรักภักดี  ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต พิธีนี้เรียกว่า พิธีถือน้ำพิพัฒน์สัตยา  ทางราชการได้ใช้วัดพระนารายณ์มหาราชเป็นสถานที่ในการประกอบพิธี  รวมทั้งให้เป็นสถานที่ทำพิธีสวดเสกน้ำพระพุทธมนต์ถวายในงานพระราชพิธีเสวยราชสมบัติ

วัดหมื่นไวย

        วัดหมื่นไวย สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา  พระประธานเป็นปางป่าเลไลย์ปูนปั้นลงรักปิดทอง  ส่วนอิฐที่ใช้ก่อสร้างฐานที่เป็นฐานโค้งสำเภาเรือ  และผนังโบสถ์เป็นอิฐก้อนใหญ่แบบเดียวกับอิฐที่ใช้ก่อสร้างกำแพงเมืองเก่าโคราชตำบลหมื่นไวย  ด้านหลังองค์พระประธานประดิษฐาน “ก้อนหินพระเกศแก้วจุฬามณี” กราบขอพรให้ประสบผลสำเร็จได้ทุกเรื่องตามจิตอธิษฐาน แต่มีสิ่งที่น่าสนใจอยู่คือ  โบสถ์เก่ากลางน้ำ อายุ  300 ปี

วัดศาลาลอย 

        วัดศาลาลอย  ตั้งอยู่ติดริมน้ำลำตะคอง เป็นวัดเก่าแก่ตามประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่า

วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้น กับ พระยาสุริยเดช หรือ ปลัดทองคำ ปลัดเมืองนครราชสีมา ผู้เป็นสามี หลังจากที่รบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 หลังจากเสร็จศึกสงครามที่ทุ่งสัมฤทธิ์ ขณะยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา คุณหญิงโมได้แวะพักบริเวณท่าตะโก และได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาเสี่ยงทายลอยไปตามลำตะคอง พร้อมตั้งจิตอธิฐาน หากแพรูปศาลานี้ ลอยไปติดอยู่ ณ ที่แห่งใด จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ ซึ่งแพได้ลอยไปติดอยู่ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นวัดร้าง จึงได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นวัดศาลาลอยในปัจจุบัน

ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2395 (เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214) สิริรวมอายุได้ 81 ปี เมื่อท้าวสุรนารีถึงแก่กรรม เจ้าพระยามหิศราธิบดีได้จัดการฌาปนกิจศพที่ วัดศาลาลอยและเจ้าพระยามหิศราธิบดี ได้ก่อเจดีย์ (สถูป) บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีไว้ ณ ตรงข้ามหน้าโบสถ์หลังเก่าวัดศาลาลอย ที่ท้าวสุรนารีสร้างไว้ เจดีย์ดังกล่าวยังคงมีอยู่ ณ ปัจจุบัน และที่หน้าอุโบสถหลังเก่านี้ ปัจจุบันก็มีรูปปั้น เจ้าพระยามหิศราธิบดี หรือ ปลัดทองคำ สามีย่าโม อยู่ด้วย ส่วนพระอุโบสถนั้นประดิษฐานองค์พระพุทธรูปเรียกว่า “หลวงพ่อขาว”  นอกจากนี้ยังมีท้าวเวสสุวรรณให้ผู้มีจิตศรัทธาได้กราบสักการะอีกด้วย

วัดอิสาน 

วัดอิสาน  สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2220 ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  โดยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดฯให้พระยายมราช หรือสังข์เป็นผู้สร้างร่วมกับคหบดีและประชาชน  ภายในพระอุโบสถประดิษฐานองค์พระพุทธรูป “พระศรีรัตนปราติรส” ปางมารวิชัยพุทธลักษณะงดงาม และองค์พระนอนหรือพระพุทธไสยาสน์และพระพุทธรูปศิลปะขอม มีภาพเขียนประกอบเรื่องราวทศชาติชาดก ลักษณะภาพมีความสวยงาม วิจิตร

วัดพายัพ

วัดพายัพ จุดเด่นของวัดนี้ คือ พระบรมรูปสมเด็จพระนารายณ์ฯ ในท่าประทับยืนสง่าผ่าเผยประดิษฐานอยู่ในศาลาทรงไทยและต้นศรีมหาโพธิ์ ท่านเชิญมาจากหน่อพุทธคยา ประเทศอินเดีย และลูกนิมิตเป็นใบเสมาคู่  รอบพระอุโบสถเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์  ถ้ำหินงอกหินย้อยจะประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณศักดิ์สิทธิ์ประจำเมืองที่มีอายุกว่า  300 ปี ให้ประชาชนได้กราบไหว้และชมความงาม ภายในถ้ำ

วัดป่าสาลวัน

วัดป่าสาลวัน ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2475 โดยพระญาณวิศิษฏ์สมิทธิวีราจารย์ (สิงห์ ขนฺตยาคโม) ศิษย์องค์สำคัญของพระอาจารย์มั่น ภูริทัตฺโต  ส่วนชื่อ สาลวัน  นั้น  ตั้งชื่อโดยเจ้าประคุณสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (อ้วน ติสโส)  ซึ่งมาจากคำว่า  “สาละ”  แปลว่า  ต้นรัง และ  “วนะ”  แปลว่า ป่า โดยตั้งชื่อตามลักษณะของวัดที่มีไม้เต็งรังเป็นจำนวนมาก  มาถึงช่วงปี พ.ศ. 2513  พระราชสังวรญาณหรือหลวงพ่อพุธฐานิโยที่เป็นเจ้าอาวาสในขณะนั้น  ท่านให้ความสำคัญกับการฝึกวิปัสสนากรรมฐานตามหลักมหาสติปัฏฐาน 4 เป็นพิเศษ  เป็นช่วงที่มีพุทธศาสนิกชนจากทั่วประเทศเดินทางมายังวัดป่าสาลวัน  เพื่อฝึกวิปัสสนากรรมฐานกับท่านอย่างล้นหลาม

จังหวัดนครราชสีมา ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมาย เช่น

จุดชมวิว เขาเขื่อนลั่น”  ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเขาเขื่อนลั่น ต. คลองไผ่ อ.สีคิ้ว เป็นที่ประดิษฐานของพระะพุทธรูปองค์สีขาวที่หันหน้าออกสู่เขื่อนลำตะคอง มองเห็นวิวเขื่อนลำตะคองได้แบบพาโนรามา ซึ่งเรือนจำคลองไผ่ได้จัดทำไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาชมความงามของอ่างเก็บน้ำลำตะคลอง รวมทั้งมีจุดบริการจำหน่าย กาแฟ เครื่องดื่ม โดยการนำรถบัสของเรือนจำมาตกแต่งปรับปรุงเป็นร้านกาแฟ มีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ มากมายให้นักท่องเที่ยวได้เช็คอินกัน

สะพานไม้ 100 ปี ตั้งอยู่ที่ บ้านโคกกระชาย อำเภอครบุรี จังหวัดนครราชสีมา เป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด เป็นสะพานไม้ที่มีอายุกว่า 100 ปี ทอดยาวผ่านทุ่งนาข้าวเขียวขจี มีระยะทางกว่า 1 กิโลเมตร มีจุดชมวิว และจุดแลนด์มาร์คไว้ให้นักท่องเที่ยวได้มาถ่ายภาพสวยๆ เป็นที่ระลึกกันอีกด้วย

สวนอินทผลัม ไร่ดังใหม่ ใน อ.ครบุรี บนพื้นที่ 30 ไร่ มีต้นอินทผลัมกว่า 700 ต้น กำลังออกผลผลิตเหลืองอร่ามเต็มสวน รสชาติอร่อย หวานกรอบ ปลอดสารเคมี มีมุมเครื่องดื่มบริการทั้งกาแฟและน้ำอินผลัมปั่น

 

ส่วนนักท่องเที่ยวสายมู แนะนำให้มากราบไหว้ขอพรองค์พญานาคราช ที่ คำชะโนดวังน้ำเขียว หรือ พุทธยานอุทยานวังน้ำเขียว ตั้งอยู่ในอำเภอวังน้ำเขียว บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นดูสงบ มีพื้นที่จุดสักการะบูชา หลายจุด ทั้งองค์ปู่อนันตนาคราช องค์ปู่ศรีสุทโธ แม่ย่าศรีปทุม พญาอนันตนาคราชองค์ใหญ่สีรุ้ง ตั้งเด่นเป็นสง่ากลางวัด สามารถลอดท้องพญานาคเพื่อคามเป็นสิริมงคล มีสะพานที่เป็นรูปภาพสามมิติ เพื่อเข้าไปยังถ้ำนครบาดาลที่ประดับไฟหลากสีสลับไปมางดงาม ภายในถ้ำมีแม่ยาศรีนคราบาดาล  5 เศียร ที่สามารถขอพรในเรื่องต่างๆ ทั้งความรัก เงินทอง หน้าที่การงาน  นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม ซึ่งจัดไว้รองรับญาติธรรม และนักท่องเที่ยวที่เลื่อมใสศรัทธาอีกด้วย

ระหว่างทางผ่านร้านค้า ขายสินค้าชุมชนต่างๆบรรยากาศบริเวณด้านหน้า ร่มรื่นสงบ  

จึงขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวทุกท่านเดินทางมาท่องเที่ยวที่โคราช ซึ่งสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลก่อนการเดินทางได้ที่เพจเฟสบุ๊ค ททท.นครราชสีมา หรือโทรศัพท์ในวัน เวลาราชการได้ที่ 044-213-666 ,  044-213-030

ใส่ความเห็น

You missed

ครั้งแรกในไทย! จูนเหยา เปิดตัว “JY AIR” ยานยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรกที่ผสมผสานเทคโนโลยีอัจฉริยะและความยั่งยืน