วันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2568 – นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) เปิดงาน วันสตรีสากล ประจำปี 2568 ภายใต้แนวคิด “3 ทศวรรษปฏิญญาปักกิ่งฯ: โอกาสและความท้าทายสู่ความเสมอภาคของสตรีและเด็ก” โดยมี นายอนุกูล ปีดแก้ว ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวรายงาน สำหรับการจัดงานครั้งนี้เป็นการร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสวันสตรีสากลและเพื่อเชิดชูเกียรติบทบาทของสตรีในด้านต่าง ๆ สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศของรัฐบาลไทย ผ่านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี ที่เร่งดำเนินการส่งเสริมสิทธิและโอกาสเพื่อให้สตรีและเด็กได้รับความเสมอภาค ยกระดับการพัฒนาสตรีให้สอดคล้องกับหลักสากล อีกทั้งยังมุ่งมั่นผลักดันพลังสตรีให้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ด้วยการเพิ่มศักยภาพให้สตรีทุกกลุ่ม ทุกระดับ มีความเข้มแข็ง สามารถพึ่งพาตัวเองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายวราวุธ กล่าวว่า “วันสตรีสากล” (International Women’s Day) นับว่าเป็นวันที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เพื่อรำลึกถึงการต่อสู้ของสตรีเพื่อให้ได้มาซึ่งความยุติธรรม ความเสมอภาค สันติภาพ และการพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมถึงความก้าวหน้าของสตรี ทั้งนี้ประเทศไทยได้มุ่งเน้นการพัฒนาสถานภาพสตรีและการสร้างความเสมอภาคระหว่างเพศ โดยกระทรวง พม. ได้จัดกิจกรรมวันสตรีสากลมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปี 2568 นี้ ได้จัดงานภายใต้แนวคิด “3 ทศวรรษปฏิญญาปักกิ่งฯ: โอกาสและความท้าทายสู่ความเสมอภาคของสตรีและเด็ก” ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาประเทศของรัฐบาล ด้านการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ด้วยนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการทันที คือ ด้านการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ และด้านการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพ สร้างความเท่าเทียมทางโอกาสและเศรษฐกิจ และจัดสวัสดิการสังคมให้สอดคล้องกับสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การจัดการเพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ หรือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางทางสังคม ซึ่งกลุ่มสตรีและเด็กเป็นหนึ่งในนั้น เพื่อให้สตรีและเด็กกลุ่มนี้ได้รับความเสมอภาคอย่างแท้จริง
โดยกระทรวง พม. มุ่งส่งเสริมโอกาสในการดำรงชีวิตอย่างมีศักดิ์ศรีให้แก่สตรี โดยสนับสนุนให้สตรีสามารถนำศักยภาพที่มีมาใช้ให้เกิดประโยชน์ทั้งต่อตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และสังคม ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล ผ่านนโยบายการพัฒนาสถานภาพสตรีและความเสมอภาคระหว่างเพศ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และพันธกรณีระหว่างประเทศที่ไทยเป็นสมาชิก อาทิ อนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ ปฏิญญาปักกิ่งและแผนปฏิบัติการเพื่อความก้าวหน้าของสตรี รวมถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน เป้าหมายที่ 5 การบรรลุความเท่าเทียมระหว่างเพศ และส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สตรีและเด็กหญิง ซึ่งเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาสตรี โดยการเพิ่มบทบาทของสตรีและเด็กหญิงทุกคน
นายวราวุธ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติได้แสดงเจตนารมณ์และปฏิบัติตามพันธสัญญาต่อเวทีโลก โดยการให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสถานภาพสตรีและความเสมอภาคระหว่างเพศ กระตุ้นให้สังคมไทย
ได้ตระหนักถึงศักยภาพและสิทธิมนุษยชนของสตรี รวมทั้งยกระดับการพัฒนาสตรีให้สอดคล้องกับหลักสากล และยังมุ่งมั่นผลักดันพลังสตรีให้มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของกระทรวง พม.
ที่ได้เร่งรัดขับเคลื่อนพันธกิจสำคัญ 9 ด้าน ต่อยอดจาก “นโยบาย 5×5 ฝ่าวิกฤตประชากร” ด้านการสร้างงาน สร้างรายได้ พัฒนาคุณภาพชีวิตคนเปราะบาง อาทิ คนจน คนพิการ ผู้สูงอายุ และสตรี การส่งเสริมสถานภาพสตรีไทยจึงเป็นอีกหนึ่งภารกิจสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการ
ทั้งนี้ กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย การนำเสนอวีดิทัศน์คำปราศรัยจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เนื่องในวันสตรีสากลประจำปี 2568 การกล่าวแสดงความยินดีแก่ผู้ได้รับรางวัล พร้อมมอบโล่ประกาศเกียรติคุณแก่สตรี บุคคล และหน่วยงานองค์กรที่มีผลงานดีเด่น จำนวน 16 สาขา 84 รางวัล และรางวัลเกียรติคุณพิเศษ 3 รางวัล โดยมีผู้ร่วมงาน ได้แก่ ผู้เข้ารับรางวัล ผู้บริหารกระทรวง พม. คณะกรรมการดำเนินงานวันสตรีสากล คณะคู่สมรสเอกอัครราชทูต คณะคู่สมรสคณะรัฐมนตรี สื่อมวลชน ฯลฯ จำนวนทั้งสิ้นกว่า 300 คน และยังได้เปิดตัวโครงการ “กล่องของขวัญ (Pink Box) แทนความห่วงใย เสริมพลังใจเพื่อสตรีไทยมั่นคง” ด้วยการมอบกล่องของขวัญที่บรรจุด้วยสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันและการดูแลสุขอนามัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้กับสตรี
กลุ่มผู้เปราะบางที่ถูกซ้อนทับด้วยปัญหาต่าง ๆ อาทิ กลุ่มผู้หญิงที่มีรายได้น้อย ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้หญิงสูงอายุ และผู้หญิงที่มีความพิการ ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูมิภาคต่าง ๆ จำนวน 4,500 ชุด ตลอดเดือนมีนาคม 2568 ซึ่งนอกจากจะสร้างเสริมกำลังใจและความหวังในการดำเนินชีวิตให้แก่สตรีกลุ่มเปราะบางกลุ่มเหล่านี้ ยังเป็นการกระตุ้นให้ผู้คนและภาคส่วนต่าง ๆ ในสังคมได้ตระหนักถึงปัญหาของสตรี นำไปสู่ความคิดริเริ่มในการสนับสนุนสตรีในรูปแบบต่าง ๆ ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ ให้มีโอกาสและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อเป็นการยืนยันว่า รัฐบาลและภาคีทุกภาคส่วนได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่มีการสอดแทรกประเด็นสตรีและความเสมอภาคระหว่างเพศเข้าไปในการพัฒนากระแสหลัก (Gender Mainstreaming) ซึ่งเป็นหนทางแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน เพื่อให้สตรีได้รับการปฏิบัติอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ปลอดภัยจากความรุนแรงทุกรูปแบบ ภายใต้สังคมที่ตระหนักและเข้าใจ พร้อมสนับสนุนพลังสตรีเป็นพลังสำคัญในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคมทุกมิติต่อไป